การติดขวดนม
จากการให้เด็กดื่มนมจากกล่องเมื่อวานนี้ ผู้ปกครองมารับลูกถามลูกว่ากินนมหมดมั้ยเด็กกินไม่หมดกล่อง ด้วยความห่วงว่าลูกจะร้องไห้อยากดื่มนมจากขวด แม่เทนมใส่ขวดให้ในตอนเช้าที่มาส่งเลย
เพราะกลัวลูกจะไม่ได้กินนมการติดขวดนม มีผลต่อการ ไม่ยอมกินข้าว บางรายก็ทำให้ได้อาหารไม่พอ ขาดวิตามินเกลือแร่ เป็นเด็กผอม บางรายก็ดูดแต่นมมาก จนเป็นเด็กอ้วน ในแง่พัฒนาการการติดขวดนม ทำให้เด็กเสียโอกาส การพัฒนาทักษะในการพูด การเคี้ยวและการใช้มือในการทำกิจกรรมอื่นๆ นับว่าเรื่องนี้เป็น ต้นตอก่อปัญหาสุขภาพกับเด็กอย่างไม่รู้ตัว สำหรับพ่อแม่
การแก้ไข
1. ให้เด็กหัดดื่มนมจากแก้วหรือให้ลองดูดนมด้วยหลอดแทน
2. ประสานกับผู้ปกครองโดยให้ความรู้และขอความร่วมมือในการใช้เทคนิควิธีการต่างๆ เพื่อกระตุ้นให้เด็กเลิกขวดนม โดยความรู้ความเข้าใจของผู้ปกรองเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
3. ประสานกับผู้ปกครองไม่อนุญาตให้เด็กนำขวดนมมาโรงเรียน
วันศุกร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2558
วันพฤหัสบดีที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2558
บันทึกสะท้อนคิดประจำวันพฤหัสบดีที่ 2 กรกฏาคม 2558
กิจกรรมการเรียนรู้ เป่าสีด้วยหลอด
คณะครูศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านหนองได้จัดกิจกรรมการเรียนรู้ สำหรับวันนี้ครูให้เด็กๆทำกิจกรรมเป่าสีด้วยหลอด ก่อนจัดกิจกรรมครูได้ให้เด็กๆเลือกแล้วว่าจะทำกิจกรรมอะไรดี และเด็กๆได้เลือกกิจกรรมการเป่าสีด้วยหลอดนี้ ครูจึงได้จัดตามที่เด็กต้องการ
ประโยชน์ที่เด็กได้รับจากการจัดกิจกรรมครั้งนี้ คือ
1. พัฒนากล้ามเนื้อมือ
2.พัฒนาประสาทสัมพันธ์ระหว่างตากับมือ
3.พัฒนาภาษาในการอธิบายผลงานของตนเอง
4.พัฒนาความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการ
5.ผ่อนคลายอารมณ์เกิดความสนุกสนานเพลิดเพลินขณะทำกิจกรรมและพึงพอใจในผลงานของตนเอง
คณะครูศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านหนองได้จัดกิจกรรมการเรียนรู้ สำหรับวันนี้ครูให้เด็กๆทำกิจกรรมเป่าสีด้วยหลอด ก่อนจัดกิจกรรมครูได้ให้เด็กๆเลือกแล้วว่าจะทำกิจกรรมอะไรดี และเด็กๆได้เลือกกิจกรรมการเป่าสีด้วยหลอดนี้ ครูจึงได้จัดตามที่เด็กต้องการ
ประโยชน์ที่เด็กได้รับจากการจัดกิจกรรมครั้งนี้ คือ
1. พัฒนากล้ามเนื้อมือ
2.พัฒนาประสาทสัมพันธ์ระหว่างตากับมือ
3.พัฒนาภาษาในการอธิบายผลงานของตนเอง
4.พัฒนาความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการ
5.ผ่อนคลายอารมณ์เกิดความสนุกสนานเพลิดเพลินขณะทำกิจกรรมและพึงพอใจในผลงานของตนเอง
วันพุธที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2558
บันทึกสะท้อนคิดประจำวันพุธที่1 กรฎาคม 2558
กิจกรรมกลางแจ้ง
เด็กๆเล่นกิจกรรมกลางแจ้งในช่วงเช้าเพราะเป็นเวลาที่แดดไม่แรงเด็กเลือกเล่นกิจกรรมได้ตามความสนใจ เครื่องเล่นสนามช่วยพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็กและกล้ามเนื้อมัดใหญ่ให้กับเด็กๆนอกจากนี้เด็กยังรู้จักได้ใช้ความคิดในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของตนเองได้อีกด้วย
วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2558
บันทึกสะท้อนคิดประจำวันอังคารที่ 30 มิถุนายน 2558
เด็กนักเรียนปัสสาวะใส่กางเกงโดยไม่ยอมบอกคุณครู
เด็กนักเรียนบางคนปัสสาวะใส่กางเกงหรือเด็กบางคนอุจจาระใส่กางเกงไม่ยอมบอกคุณครูปวดตรงไหนก็ฉี่ราดตรงนั้นเลย อาจจะเกิดจากที่บ้านไม่พาเด็กเข้าห้องน้ำตอนเช้าให้เป็นนิสัยจึงทำให้เด็กปวดตรงไหนก็ราดตรงนั้น ไม่ฝึกเด็กให้เกิดความเคยชินเวลาเด็กมาโรงเรียนทำให้ปัสสาวะราดไปทั่ว
วิธีแก้ไข
บอกเด็กว่าถ้าปวดฉี่ให้เด็กบอกคุณครูคุณครูจะพาไปห้องน้ำ บางครั้งเด็กไม่กล้าบอกเวลาปวดก็จะบอกเขาให้ไปเข้าห้องน้ำเป็นระยะ ขอความร่วมมือกับผู้ปกครองให้ฝึกเด็กทำธุระส่วนตัวมาจากบ้านให้เรียบร้อยเว้นแต่ว่าไม่ไหวจริงๆถึงบอกคุณครูให้เข้าห้องน้ำ
บันทึกสะท้อนคิดประจำวันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน 2558
ไม่กล้าแสดงออก
ขี้อาย เป็นอาการที่พบบ่อยได้ในเด็กทั้งก่อนวัยเรียนและเด็กวัยอนุบาล โดยลักษณะของเด็กขี้อาย เช่น เวลาซ้อมการแสดงจะทำได้ดี แต่เมื่อแสดงต่อหน้าผู้คนจะไม่สามารถทำได้ เนื่องจากอายไม่กล้า ซึ่งทำให้ครูรู้สึกลำบากใจการในการจัดกิจกรรมให้กับเด็กเหล่านี้ สาเหตุส่วนหนึ่งเกิดจากเด็กที่อยู่ในครอบครัวเล็ก ๆ มีเฉพาะพ่อ แม่ พี่เลี้ยง ห่วงเด็กมาก ทำให้เด็กไม่มีทักษะทางสังคม ไม่กล้าแสดงออก อีกทั้งไม่มีโอกาสที่จะได้เล่นกับเพื่อนเนื่องจากพ่อแม่ที่ปกป้องมากเกินไป เด็กไม่รู้จักรับผิดชอบงานต่าง ๆ ไม่มั่นใจ ไม่กล้าทำสิ่งต่าง ๆ นอกจากนี้การเลี้ยงดูอย่างเร่งรัดเกินวัย ทำให้เด็กไม่พร้อม เกิดความกังวลใจ หวั่นใจ และไม่แน่ใจในการกระทำของตนเองและที่สำคัญคือการที่เด็กได้ถูกล้อเลียนจากเพื่อนเช่น พูดไม่ชัดทั้ง ๆ ที่สติปัญญาดี แต่ผลการเรียนไม่ดี เพราะวิตกกังวลในเรื่องการถูกล้อเลียน
แนวทางแก้ไข
ให้เด็กได่มีโอกาสเล่นกับเพื่อนบ่อย ๆ ไม่จ้องดูและไม่กำกับการเล่น พยายามอย่ากดดันให้เด็กทำสิ่งใดที่เกินวุฒิภาวะและพัฒนาการของเขา และไม่ควรล้อเลียนในจุดด้วยของเด็ก ให้เด็กฝึกรู้จักรับผิดชอบทำกิจวัตรประจำวันด้วยตนเอง ทำการบ้าน ช่วยเหลือครูในสิ่งที่สามารถทำได้
ขี้อาย เป็นอาการที่พบบ่อยได้ในเด็กทั้งก่อนวัยเรียนและเด็กวัยอนุบาล โดยลักษณะของเด็กขี้อาย เช่น เวลาซ้อมการแสดงจะทำได้ดี แต่เมื่อแสดงต่อหน้าผู้คนจะไม่สามารถทำได้ เนื่องจากอายไม่กล้า ซึ่งทำให้ครูรู้สึกลำบากใจการในการจัดกิจกรรมให้กับเด็กเหล่านี้ สาเหตุส่วนหนึ่งเกิดจากเด็กที่อยู่ในครอบครัวเล็ก ๆ มีเฉพาะพ่อ แม่ พี่เลี้ยง ห่วงเด็กมาก ทำให้เด็กไม่มีทักษะทางสังคม ไม่กล้าแสดงออก อีกทั้งไม่มีโอกาสที่จะได้เล่นกับเพื่อนเนื่องจากพ่อแม่ที่ปกป้องมากเกินไป เด็กไม่รู้จักรับผิดชอบงานต่าง ๆ ไม่มั่นใจ ไม่กล้าทำสิ่งต่าง ๆ นอกจากนี้การเลี้ยงดูอย่างเร่งรัดเกินวัย ทำให้เด็กไม่พร้อม เกิดความกังวลใจ หวั่นใจ และไม่แน่ใจในการกระทำของตนเองและที่สำคัญคือการที่เด็กได้ถูกล้อเลียนจากเพื่อนเช่น พูดไม่ชัดทั้ง ๆ ที่สติปัญญาดี แต่ผลการเรียนไม่ดี เพราะวิตกกังวลในเรื่องการถูกล้อเลียน
แนวทางแก้ไข
ให้เด็กได่มีโอกาสเล่นกับเพื่อนบ่อย ๆ ไม่จ้องดูและไม่กำกับการเล่น พยายามอย่ากดดันให้เด็กทำสิ่งใดที่เกินวุฒิภาวะและพัฒนาการของเขา และไม่ควรล้อเลียนในจุดด้วยของเด็ก ให้เด็กฝึกรู้จักรับผิดชอบทำกิจวัตรประจำวันด้วยตนเอง ทำการบ้าน ช่วยเหลือครูในสิ่งที่สามารถทำได้
วันศุกร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2558
บันทึกสะท้อนคิดประจำวันศุกร์ที่ 26 มิถุนายน 2558
เด็กเลียนแบบครูและตัวละคร
จากการสังเกตพัฒนาการของเด็กมีการลอกเลียบแบบครูหรือแม้แต่ตัวละครในทีวีอย่างเห็นได้ชัดเจน เช่น การพูด การกระทพฤติกรรมต่างๆ ทั้งเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชาย แสดงให้ครูเห็นถึงพัฒนาการด้านต่างๆของเด็ก
แนวทางแก้ไข
1. ครูต้องช่วยชี้นำการเลียนแบบพฤติกรรมที่เหมาะสมให้กับวัยของเด็กๆ
2. ดูแลการร่วมกิจกรรมของเด็กในแต่ละช่วงวัยอย่างเหมาะสม
3. ไม่เลียนแบบเด็กคนใดคนหนึ่งในช่วงเวลาในการทำกิจกรรม เพราะจะเป็นการสร้างปมด้อยให้แก่เด็กและยังเป็นการสร้างพฤติกรรมเลียนแบบ
4. ดูแลสื่อออนไลน์ ที่นำมาใช้สอนให้มีความเหมาะสมตามวัย และมีการแนะนำอย่างถูกต้อง
จากการสังเกตพัฒนาการของเด็กมีการลอกเลียบแบบครูหรือแม้แต่ตัวละครในทีวีอย่างเห็นได้ชัดเจน เช่น การพูด การกระทพฤติกรรมต่างๆ ทั้งเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชาย แสดงให้ครูเห็นถึงพัฒนาการด้านต่างๆของเด็ก
แนวทางแก้ไข
1. ครูต้องช่วยชี้นำการเลียนแบบพฤติกรรมที่เหมาะสมให้กับวัยของเด็กๆ
2. ดูแลการร่วมกิจกรรมของเด็กในแต่ละช่วงวัยอย่างเหมาะสม
3. ไม่เลียนแบบเด็กคนใดคนหนึ่งในช่วงเวลาในการทำกิจกรรม เพราะจะเป็นการสร้างปมด้อยให้แก่เด็กและยังเป็นการสร้างพฤติกรรมเลียนแบบ
4. ดูแลสื่อออนไลน์ ที่นำมาใช้สอนให้มีความเหมาะสมตามวัย และมีการแนะนำอย่างถูกต้อง
วันพฤหัสบดีที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2558
บันทึกสะท้อนคิดประจำวันพฤหัสบดีที่ 25 มิถุนายน 2558
เด็กก้าวร้าว
เด็กชอบรักแก เล่นรุนแรงกับเพื่อน มักก่อเรื่องวุ่นวาย ชอบทะเลาะกับเพื่อนหรือพี่น้องวัยเดียวกันเสมอ ซึ่งส่วนใหญ่สาเหตุของพฤติกรรมก้าวร้าวนี้ เกิดจากการที่เด็กรับรู้และเรียนรู้จากสภาพแวดล้อม เช่น ความก้าวร้าวของผู้ใหญ่ใกล้ชิด หรือจากภาพยนตร์ เป็นต้น
แนวทางการแก้ไข
1. ถ้าเป็นเด็กเล็ก ผู้ใหญ่ควรให้เด็กทำกิจกรรมอยู่ใกล้ๆ อย่าปล่อยให้เล่นกับเพื่อนตามลำพัง หรือไม่เช่นนั้น ผู้ใหญ่ ต้องมีมาตรการโดยบอกกับเด็กว่า ใครที่ลงมือทำร้ายอีกฝ่ายก่อนต้องถูกลงโทษ
2. หากเด็กแสดงพฤติกรรมก้าวร้าว ผู้ใหญ่ต้องถามถึงสาเหตุฟังเด็กพูด และลองเสนอแนะวิธีการแก้ปัญหาอื่นๆ ที่ดีกว่า เช่น การพูดแสดงความไม่พอใจออกไปตรง ๆ3. ไม่ควรลงโทษเด็กอย่างรุนแรง เพราะไม่เกิดประโยชน์แต่กลับจะทำให้เด็กด้านไม้เรียวและเจ้าคิดเจ้าแค้น
4. ในเด็กโต พ่อแม่ไม่ควรลงโทษ กระทำให้เจ็บช้ำน้ำใจ พ่อแม่ควรถามถึงสาเหตุ ชี้แจงถึงผลเสียของการใช้กำลังก้าวร้าว และชี้แนะวิธีที่เหมาะสม เช่น อดกลั้นนับ 1-10 บอกความไม่พอใจออกมาตรง ๆ ให้อภัยเพราะเป็นเพื่อนกัน ซึ่งทุกคนก็ทำผิดพลาดกันได้
5. ไม่ควรยั่วยุให้เด็กโกรธ
6. หากเด็กโกรธ แสดงท่าทางก้าวร้าวมาก ในเด็กเล็กให้ผู้ใหญ่กอดเด็กให้แน่นเพื่อยุติพฤติกรรมก้าวร้าว ส่วนเด็กโตควรแยกเด็กให้อยู่ตามลำพังเพื่อให้เด็กสงบจิตใจ หลังจากนั้นจึงค่อยพูดคุยกันถึงสาเหตุต่างๆ
วันพุธที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2558
บันทึกสะท้อนคิดประจำวันจันทร์ที่ 22 มิถุนายน 2558
เด็กไม่อยากไปโรงเรียน
เมื่อถึงเวลาเปิดเทอมใหม่ ๆ เราจะเห็นภาพที่บริเวณหน้าโรงเรียน โดยเฉพาะโรงเรียนอนุบาล เด็กจะร้องไห้งอแง บางครั้งดิ้นทุรนทุรายไม่ยอมเข้าโรงเรียน ครูและมารดาต่างอ้อนวอนให้เข้าโรงเรียน แต่เด็กก็ยังยืนกรานไม่ยอมเข้า นั่นเป็นเหตุการณ์ที่บริเวณหน้าโรงเรียน หลายรายที่เด็กแสดงทีท่าว่าไม่อยากไปโรงเรียนให้ทราบตั้งแต่ยังไม่ออกจากบ้าน เช่น ในเวลาเย็นวันศุกร์ วันเสาร์ตลอดวัน และมาจนกระทั่งเย็นวันอาทิตย์ เด็กจะดูรื่นเริงตลอด แต่พอตกค่ำวันอาทิตย์จะเริ่มงอแง วันจันทร์เช้าก็ไม่อยากลุกจากที่นอน ไม่อยากอาบน้ำ แปรงฟัน แต่งตัวช้า รับประทานอาหารช้า ไม่ยอมขึ้นรถไปโรงเรียน บางรายบ่นปวดท้อง ปวดศีรษะ อาเจียน เป็นต้น เนื่องจากอนาคตของชาติต้องการทรัพยากรมนุษย์ ที่มีคุณภาพ มีความรู้ ดังนั้นเด็กที่เกิดมาทุกคนจึงต้องเรียนหนังสือ แต่ถ้าเกิดปัญหาเด็กไม่อยากเรียน ไม่อยากไปโรงเรียนก็มีความจำเป็นเหลือเกินที่จะต้องแก้ไขเสียแต่ต้นมือ เพื่อป้องกันปัญหาที่จะตามมาอย่างมากมายภายหลัง
แนวทางการแก้ไขปัญหา
1. เตรียมพร้อมให้เด็กมีทักษะในด้านต่างๆ ก่อนไปโรงเรียน
2. เลือกโรงเรียนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ และเหมาะสมกับเด็ก เช่น โรงเรียนใกล้บ้าน ราคาที่เหมาะสม ปลอดภัย สะอาด มีครูที่เข้าใจพัฒนาการของเด็ก หรือมีเทคนิคการสอนที่ดี
3. ทำความรู้จักกับคุณครู พี่เลี้ยง และสถานที่ของโรงเรียน
4. ทำความเข้าใจในปฏิกิริยาของเด็กในช่วงระยะแรกๆ ของการไปโรงเรียน
ถึงแม้ว่าคุณจะเตรียมความพร้อมเด็กและเลือกโรงเรียนให้ดีขนาดไหน แต่เด็กทุกคนจะมีปฏิกิริยาต่อการไปโรงเรียน ในระยะแรกประมาณ 2 สัปดาห์ ซึ่งในระยะเวลานั้นต้องอาศัยท่าทีของพ่อแม่ที่เข้มแข็ง ไม่ใจอ่อนกับลูก มั่นใจในตัวคุณครู และโรงเรียน เข้าใจความรู้สึกของเด็ก อ่อนโยน และนุ่มนวลต่อความรู้สึกของเด็ก แต่ยืนยันชัดเจนว่าลูกต้องไปโรงเรียนทุกวัน
บันทึกสะท้อนคิดประจำวันอังคารที่ 23 มิถุนายน 2558
เด็กไม่ยอมช่วยเหลือตัวเอง
เด็กจะมีลักษณะขี้เกียจ ไม่ยอมทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยตัวเอง เช่น ต้องปลุกให้ลุกจากที่นอนทุกเช้าจัดกระเป๋า เตรียมชุดนักเรียนให้ ทั้ง ๆ ที่เด็กมีความสามารถจะทำเองได้ พ่อแม่ต้องคอยเตือนและคอยช่วยเหลือทุกอย่าง รวมทั้งช่วยแก้ปัญหาต่างๆ ที่เด็กควรจะใช้ความสามารถของตนเองจัดการแก้ไข
แนวทางการแก้ไข
1. เมื่อเด็กต้องการจะทำสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเอง พ่อแม่ต้องเปิดโอกาสให้เด็กได้ทำตามความสามารถของเด็ก และถ้าเด็กทำได้ดี พ่อแม่ควรแสดงความชื่นชม หรือให้คำชมเชย
2. พ่อแม่ต้องพยายามกระตุ้นให้เด็กทำสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเอง เช่น รินน้ำกินเอง ทำการบ้านเองโดยพ่อแม่ไม่ต้องช่วยเหลือ ทั้งนี้ พ่อแม่ไม่ควรเข้มงวดหรือจู้จี้จุกจิกจนเกินไป3. พ่อแม่ต้องไม่ช่วยเด็กทุกอย่างทุกเรื่อง บางเรื่องอาจจะต้องปล่อยให้เด็กได้เรียนรู้ด้วยตนเอง โดยพ่อแม่ช่วยสอนหรือชี้แนะแนวทางให้
4. พ่อแม่ควรมอบหมายความรับผิดชอบให้เด็กทำตามความสามารถของเด็กแต่ละวัย
บันทึกสะท้อนคิดประจำวันพุธที่ 24 มิถุนายน 2558
เด็กปัสสาวะใส่ที่นอนขณะนอนกลางวัน
มีเด็กบางคนปัสสาวะใส่ที่นอนเพราะดื่มนมก่อนนอนแล้วไม่ไปเข้าห้องน้ำก่อนมานอน
วิธีแก้ไข
คุณครูให้เด็กมาดื่มนมข้างนอกห้องเมื่อดื่มเสร็จให้เข้าห้องน้ำก่อนเข้าห้องนอนทุกครั้ง
เมื่อคุณครูรู้ว่าเด็กคนใดที่ปัสสาวะใส่ที่นอนเป็นประจำคุณครูจะปลุกให้ไปเข้าห้องน้ำแล้วค่อยมานอนต่อ
มีเด็กบางคนปัสสาวะใส่ที่นอนเพราะดื่มนมก่อนนอนแล้วไม่ไปเข้าห้องน้ำก่อนมานอน
วิธีแก้ไข
คุณครูให้เด็กมาดื่มนมข้างนอกห้องเมื่อดื่มเสร็จให้เข้าห้องน้ำก่อนเข้าห้องนอนทุกครั้ง
เมื่อคุณครูรู้ว่าเด็กคนใดที่ปัสสาวะใส่ที่นอนเป็นประจำคุณครูจะปลุกให้ไปเข้าห้องน้ำแล้วค่อยมานอนต่อ
วันศุกร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2558
บันทึกสะท้อนคิดประวำวันศุกร์ที่ 19 มิถุนายน 2558
ล้างทำความสะอาดฆ่าเชื้อโรคของเล่นภายในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กฯ
เนื่องจากศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเทศบาลตำบลห้วยแถลงของเราได้พบเด็กที่เป็นโรคมือ เท้า ปาก จำนวน 2 คน ทางโรงพยาบาลจึงมีหนังสือสั่งให้หยุดเรียนเพื่อทำความสะอาดและฉีดยาฆ่าเชื่อภายในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กฯและนำของเล่นอุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆภายในศูนย์ฯออกมาล้างทำความสะอาดและตากแดกให้แห้งเป็นเวลา 2-3 วัน
9 วิธีป้องกันโรคมือ เท้า ปาก
1. ควรดูแลรักษาความสะอาดทั่วไป และสุขอนามัยส่วนบุคคล โดยล้างมือ ฟอกสบู่ให้สะอาดก่อนเตรียมอาหาร และหลังขับถ่ายทุกครั้ง
2. รับประทานอาหารที่สะอาด ปรุงใหม่ ๆ ไม่มีแมลงวันตอม
3. ควรใช้ช้อนกลางในการรับประทานอาหาร และไม่ใช้แก้วน้ำ หลอดดูด ช้อน ขวดนม ร่วมกับผู้อื่น
4. หลีกเลี่ยงการคลุกคลี อยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วย แยกเด็กป่วยออกจากเด็กปกติ และให้หยุดเรียนจนกว่าจะหายป่วย
5. หลีกเลี่ยงการนำทารกและเด็กเล็กเข้าไปในสถานที่แออัด หรือที่ ๆ เด็กอยู่ร่วมกันจำนวนมาก หรือเล่นของเล่นร่วมกันในที่สาธารณะในช่วงที่มีโรคระบาดมาก
6. ผู้ดูแลเด็กต้องตัดเล็บให้สั้น หมั่นล้างมือบ่อย ๆ และรีบล้างมือให้สะอาดโดยเร็ว เมื่อเช็ดน้ำมูก น้ำลาย หรือเปลี่ยนผ้าอ้อม เสื้อผ้าที่เปื้อนอุจจาระ
7. ทำความสะอาดพื้น เครื่องใช้ หรือของเล่นเด็ก ที่อาจปนเปื้อนเชื้อโรค อย่างสม่ำเสมอ ด้วยน้ำยาฟอกขาว (คลอร็อกซ์) อัตราส่วน คือ น้ำยา 20 ซีซี. ต่อ น้ำ 1,000 ซีซี. และล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง
8. ถ้าพบผู้ป่วยเป็นโรคมือ เท้า ปาก ควรรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ สาธารณสุขในพื้นที่โดยเร็ว เพื่อดำเนินการควบคุมโรคต่อไป
9. ผู้ปกครองควรพาบุตรหลานที่ป่วยไปพบแพทย์ ให้การรักษาตามคำแนะนำของแพทย์ แจ้งโรงเรียนและเด็กควรหยุดเรียนจนกว่าจะหาย ใช้เวลาประมาณ 5-7 วัน โรคนี้หายได้เอง แต่ควรเฝ้าระวังอาการซึ่งเป็นสัญญาณอันตรายของภาวะแทรกซ้อนดังกล่าวข้างต้น
เนื่องจากศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเทศบาลตำบลห้วยแถลงของเราได้พบเด็กที่เป็นโรคมือ เท้า ปาก จำนวน 2 คน ทางโรงพยาบาลจึงมีหนังสือสั่งให้หยุดเรียนเพื่อทำความสะอาดและฉีดยาฆ่าเชื่อภายในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กฯและนำของเล่นอุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆภายในศูนย์ฯออกมาล้างทำความสะอาดและตากแดกให้แห้งเป็นเวลา 2-3 วัน
วันพฤหัสบดีที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2558
บันทึกสะท้อนคิดประจำวันพฤหัสบดีที่ 18 มิถุนายน 2558
เด็กสมาธิสั้นขณะร่วมกิจกรรม
การสังเกต การทำกิจกรรมของเด็กพบว่าเด็กสมาธิในการทำกิจกรรมน้อยมาก ไม่สามารถทำกิจกรรมที่ต้องใช้เวลานานๆได้ เช่นการจักกิจกรรมระบายสีรูปภาพ หรือ เขียนตามรอยประ หลังจากนั้นจะมีพฤติกรรมเรียกร้องความสนใจจากเพื่อนๆ โดยการแกล้งเพื่อน คนูจะต้องค่อยกระตุ้นอยู่ตลอดเวลา
วันพุธที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2558
บันทึกสะท้อนคิดประจำวันพุธที่17 มิถุนายน 2558
เด็กไม่ชอบดื่มนมโรงเรียน
การดื่มนมของเด็กๆ พบว่าเด็กๆส่วนใหญ่ไม่ยอมดื่มนมโรงเรียน สำหรับการดื่มนมในช่วงเช้าของทุกวัน บ้างคนไม่ยอมดื่มนมจากหลอด บ้างคนก็นั่งมองดูกล่องนมเฉยๆ ทำให้ส่งผลกระทบสุขภาพของเด็กๆเนื่องจากไม่ดื่มนมในช่วงเช้าและเด็กบ้างคนก็ไม่ได้รับประทานอาหารมาจากบ้านด้วย ไม่รับประทานอาหารกลางวันอีก
แนวทางแก้ไข
1.คุณครูเติมน้ำหวานที่ได้จากธรรมชาติผสมกับนมจืด
2.คุณครูลดปริมาณน้ำหวานที่ผสมในนมลงเรื่อยๆในทุกวันจนเลิกผสม
3.นำเด็กมาแข่งดื่มนม กับเพื่อนๆเพื่อความสนุกและคำชม
4.สร้างจินตนาการให้กับเด็กว่าถ้าดื่มนมแล้วร่างกายจะเป็นเช่นใด
5.คุณครูให้เด็กนำแก้วที่ตนเองชอบที่สุดมาจากบ้านเพื่อมาใส่นมดื่ม
6.คุณครูให้เด็กดื่มนมหลังตื่นนอนเพราะท้องว่างแล้ว
2.คุณครูลดปริมาณน้ำหวานที่ผสมในนมลงเรื่อยๆในทุกวันจนเลิกผสม
3.นำเด็กมาแข่งดื่มนม กับเพื่อนๆเพื่อความสนุกและคำชม
4.สร้างจินตนาการให้กับเด็กว่าถ้าดื่มนมแล้วร่างกายจะเป็นเช่นใด
5.คุณครูให้เด็กนำแก้วที่ตนเองชอบที่สุดมาจากบ้านเพื่อมาใส่นมดื่ม
6.คุณครูให้เด็กดื่มนมหลังตื่นนอนเพราะท้องว่างแล้ว
จัดทำโดย
นางสาวดวงเดือน พันนาเหนือ 571031321181
วันอังคารที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2558
บันทึกสะท้อนคิดประจำวันอังคารที่ 16 มิถุนายน 2558
เด็กทิ้งขยะไม่เป็นที่
การเปิดเทอมวันแรกดูจะเป็นงานหนักสำหรับคุณครูเป็นอย่างมากไม่ว่าจะเป็นเรื่องการดูแลตัวเด็กและการดูแลความสะอาดในบริเวณโรงเรียน เพราะมีขยะเยอะมากซึ่งเกิดจากการทิ้งขยะไม่ถูกที่ของเด็กๆ
วิธีการแก้ไข
การเปิดเทอมวันแรกดูจะเป็นงานหนักสำหรับคุณครูเป็นอย่างมากไม่ว่าจะเป็นเรื่องการดูแลตัวเด็กและการดูแลความสะอาดในบริเวณโรงเรียน เพราะมีขยะเยอะมากซึ่งเกิดจากการทิ้งขยะไม่ถูกที่ของเด็กๆ
วิธีการแก้ไข
- คุณครูแนะนำสถานที่ในโรงเรียนให้เด็กๆได้รู้ว่าห้องต่างๆอยู่ที่ไหนและสิ่งของที่เราไม่ใช้แล้วเช่นถุงขนม เศษกระดาษที่เกิดจากถุงขนมและเศษอาหารต่างๆเราจะต้องนำไปทิ้งที่ในถังขยะ โรงเรียนของเรามีถังขยะสีฟ้าใบใหญ่ก็จะบอกให้เด็กๆรู้ว่านี่คือถังขยะเอาไว้ใส่สิ่งที่เราไม่เอาแล้ว(ถุงขนม เศษอาหาร)
- จัดกิจกรรม "ตาวิเศษ" คนไหนทิ้งขยะไม่ถูกที่ จะถูกทำโทษโดยการยึดขนมของวันนั้น และจะส่งคืนในเวลากลับบ้าน
- ให้รางวัลแก่เด็กดีที่ช่วยเก็บขยะ ยกตัวอย่างและชื่นชมเพื่อให้เด็กมีกำลังใจในการทำความดีต่อไป
วันจันทร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2558
บันทึกสะท้อนคิดวันจันทร์ที่ 15 มิถุนายน 2558
เด็กแย่งของเล่นกัน
การมาโรงเรียนของเด็กในแต่ละวันผู้ปกครองมักจะคาดหวังให้บุตรหลานของตนกลับบ้านมาอย่างปลอดภัย แต่โรงเรียนเป็นที่ที่เด็กในวัยเดียวกันหรือต่างกันเล็กน้อยได้ทำกิจกรรมหลายๆอย่างร่วมกัน ซึ่งกิจกรรมเหล่านั้นก็ประกอบไปด้วยการเล่นเครื่องเล่นสนาม เล่นของเล่นที่เป็นตัวต่อ หรือของเล่นชิ้นอื่นๆที่มีอยู่อย่างจำกัด จึงเกิดการแย่งของเล่นกัน ด้วยการดึง กัด หยิก แตะ ต่อย ฝ่ายตรงข้ามเพื่อที่ตนจะต้องได้สิ่งของนั้นมา โดยตัวเด็กไม่ได้คิดถึงผลที่เกิดขึ้นเนื่องจากวัยของเขายังไม่สามารถที่จะเรียนรู้ว่าสิ่งใดควรห้ามใจ สิ่งใดทำได้ เด็กอายุ (2-4 ขวบ) คุณครูจึงต้องมีกติกาในการเล่นของเล่นขึ้นมา
วิธีการแก้ไข
วิธีการแก้ไข
- จัดของเล่นให้เป็นหมวดหมู่ เช่น มุมบล๊อก มุมวิทยาศาสตร์ มุมบทบาทสมมุติ มุมศิลปะ เป็นต้น
- จัดเด็กเป็นกลุ่ม 3-5คนเพื่อไปเล่นในมุมต่างๆ
- คุณครูตั้งเวลาในมุมต่างๆไว้มุมละ20 นาที ก่อนหมดเวลา5นาทีคุณครูจะเตือนให้เด็กเก็บของเล่นเข้าที่เมื่อหมดเวลาเด็กๆจะหมุนเปลี่ยนไปยังมุมต่อไป
- ใน1วันเด็กๆจะได้เล่นมุม คนละ2มุม ในวันต่อมาคุณครูจะถามเด็กว่ามุมนี้ถึงกลุ่มไหนแล้วเพื่อให้เด็กได้เล่นมุมต่อไปต่อจากวันที่แล้ว
- ปลูกฝังการเก็บของเล่นจากการฟังนิทาน
- ปลูกฝังความสามัคคี ความรัก ของเด็กจากการช่วยเหลือกันในขณะที่เล่นด้วยกัน

จัดทำโดย
นางสาวดวงเดือน พันนาเหนือ 571031321181
วันศุกร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2558
บันทึกสะท้อนคิดประจำวันศุกร์ที่12 มิถุนายน 2558
เด็กร้องไห้งอแงไม่ยอมนอนกลางวัน
หลายครั้งพบว่าเหตุมาจากการนอนดึก ตื่นสายนั่นเอง บ้านที่คุณพ่อคุณแม่มักจะกลับบ้านดึก ลูกจะรอแล้วไม่ยอมนอน บางรายกลับดึกชอบปลุกลูกมาเล่นเพราะคิดถึง เด็กบางรายติดวิดีโอ ดูทีวีไม่เลิก ทำให้ตื่นสาย พอกลางวันจึงไม่ง่วง ล้วนสร้างความปวดศีรษะให้กับคุณครูที่โรงเรียน เพราะเด็กที่ไม่นอนกลางวันจะยุกยิก แหย่เพื่อนที่กำลังนอน หากคุณครูบังคับว่าทุกคนต้องนอนให้หลับ เด็กที่ไม่นอนกลางวันเหล่านี้ก็จะถูกดุ ต่างๆ นานา บางรายถึงกับร้องไห้ไม่ยอมไปโรงเรียน พอถามว่าเพราะอะไร คำตอบที่ได้ คือ ไม่อยากนอนกลางวัน ครูชอบบังคับให้นอนกลางวัน
หลายครั้งพบว่าเหตุมาจากการนอนดึก ตื่นสายนั่นเอง บ้านที่คุณพ่อคุณแม่มักจะกลับบ้านดึก ลูกจะรอแล้วไม่ยอมนอน บางรายกลับดึกชอบปลุกลูกมาเล่นเพราะคิดถึง เด็กบางรายติดวิดีโอ ดูทีวีไม่เลิก ทำให้ตื่นสาย พอกลางวันจึงไม่ง่วง ล้วนสร้างความปวดศีรษะให้กับคุณครูที่โรงเรียน เพราะเด็กที่ไม่นอนกลางวันจะยุกยิก แหย่เพื่อนที่กำลังนอน หากคุณครูบังคับว่าทุกคนต้องนอนให้หลับ เด็กที่ไม่นอนกลางวันเหล่านี้ก็จะถูกดุ ต่างๆ นานา บางรายถึงกับร้องไห้ไม่ยอมไปโรงเรียน พอถามว่าเพราะอะไร คำตอบที่ได้ คือ ไม่อยากนอนกลางวัน ครูชอบบังคับให้นอนกลางวัน
วิธีการแก้
- สร้างบรรยากาศก่อนนอนในห้องเรียน เช่น ปิดม่านให้มืดหน่อย เล่านิทานก่อนนอน เปิดเพลงขับกล่อมเบาๆ
- จัดที่นอนออกเป็นกลุ่มระหว่างเด็กหลับยากกับเด็กหลับง่ายออกจากกัน โดยให้เด็กหลับยากกระจายกันอยู่เพื่อไม่ให้ได้เล่นกัน
- อากาศในห้องนอนก็สำคัญต้องมีความเย็นในระดับที่เด็กรู้สึกสบายตัวจึงจะหลับได้
- บางคนติดหมอนหรือผ้าคุณครูก็อนุญาตให้นำมานอนกอดได้
- คุณครูนั่งเฝ้าไกล้ๆจ้องมองให้เด็กหลับตาจนเด็กหลับไป
วันพุธที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2558
บันทึกสะท้อนคิดประจำวันพฤหัสบดีที่ 11 มิถุนายน 2558
เด็กกลัวหมอไม่ยอมเคลือบฟลูออไรต์
วันนี้ที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเทศบาลตำบลห้วยแถลงมีคุณหมอมาเคลือบฟลูออไรต์ให้กับเด็กๆ ของเรา พอเด็กๆเห็นคุณหมอถืออุปกรณ์เครื่องมือในการทำฟันเข้ามาภายในศูนย์เด็กๆก็ร้องไห้วิ่งกันให้วุ่นวายไปแอบตามมุมโต๊ะใต้โต๊ะครูกันใหญ่ครูวิ่งตามจับให้มาทำฟันแทบไม่ทัน บ้างคนร้องจนอ้วกแตกฉี่แตกกว่าจะได้ทำฟันกันครบทุกคนก็กินเวลาไปเป็น 2 ชั่วโมง
วันนี้ที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเทศบาลตำบลห้วยแถลงมีคุณหมอมาเคลือบฟลูออไรต์ให้กับเด็กๆ ของเรา พอเด็กๆเห็นคุณหมอถืออุปกรณ์เครื่องมือในการทำฟันเข้ามาภายในศูนย์เด็กๆก็ร้องไห้วิ่งกันให้วุ่นวายไปแอบตามมุมโต๊ะใต้โต๊ะครูกันใหญ่ครูวิ่งตามจับให้มาทำฟันแทบไม่ทัน บ้างคนร้องจนอ้วกแตกฉี่แตกกว่าจะได้ทำฟันกันครบทุกคนก็กินเวลาไปเป็น 2 ชั่วโมง
วิธีแก้ไข
โดยธรรมชาติเด็กจะมีความกลัวหมอเป็นทุนเดิมอยู่แล้วเพราะเวลาเด็กดื้อไม่เชื่อฟังคำสั่งพ่อแม่ก็มักจะขู่เด็กว่าจะพาไปให้หมอฉีดยา เพื่อลงความกลัวของเด็กที่มีต่อหมอโดยการสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้กับหมอโดยการบอกเด็กๆว่ามีหนอนอยู่ในปากเด็กๆเทวดาหมอจะมาเป็นคนเอาหนอนออกจากปากให้เด็กๆ ส่วนหมอก็จะหลีกเลี่ยงการใช้คำพูดที่ฟังแล้วเด็กๆเกิดความกลัว จะไม่บอกว่ามีการถอนฟัน หรือฉีดยา แต่จะเปลี่ยนเป็นการพูดบอกกับเด็กๆให้ซอฟท์ลง เช่น วันนี้เทวดาหมอจะมาเสกหนอนที่อยู่ในปากของเด็กๆให้หายไปให้หมดเด็กๆจะได้มีรอยยิ้มที่สวยงามพอหมอทำเสียแล้วเราก็ให้เด็กส่องกระจกแล้วชมว่าเอาหนอนออกจากปากแล้วจะทำให้เด็กๆน่ารักแคร่หนี้ก็ช่วยลงความกลัวที่เด็กๆมีต่อหมอได้แล้วและในระหว่างที่หมอเคลือบฟันให้กับเด็กๆเราต้องค่อยอยู่ใกล้ๆกับเด็กเพื่อให้เด็กๆมีความรู้สึกเชื่อมั่นว่าเราไม่ได้ทิ้งเราให้อยู่กับหมอตามลำพัง
โดยธรรมชาติเด็กจะมีความกลัวหมอเป็นทุนเดิมอยู่แล้วเพราะเวลาเด็กดื้อไม่เชื่อฟังคำสั่งพ่อแม่ก็มักจะขู่เด็กว่าจะพาไปให้หมอฉีดยา เพื่อลงความกลัวของเด็กที่มีต่อหมอโดยการสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้กับหมอโดยการบอกเด็กๆว่ามีหนอนอยู่ในปากเด็กๆเทวดาหมอจะมาเป็นคนเอาหนอนออกจากปากให้เด็กๆ ส่วนหมอก็จะหลีกเลี่ยงการใช้คำพูดที่ฟังแล้วเด็กๆเกิดความกลัว จะไม่บอกว่ามีการถอนฟัน หรือฉีดยา แต่จะเปลี่ยนเป็นการพูดบอกกับเด็กๆให้ซอฟท์ลง เช่น วันนี้เทวดาหมอจะมาเสกหนอนที่อยู่ในปากของเด็กๆให้หายไปให้หมดเด็กๆจะได้มีรอยยิ้มที่สวยงามพอหมอทำเสียแล้วเราก็ให้เด็กส่องกระจกแล้วชมว่าเอาหนอนออกจากปากแล้วจะทำให้เด็กๆน่ารักแคร่หนี้ก็ช่วยลงความกลัวที่เด็กๆมีต่อหมอได้แล้วและในระหว่างที่หมอเคลือบฟันให้กับเด็กๆเราต้องค่อยอยู่ใกล้ๆกับเด็กเพื่อให้เด็กๆมีความรู้สึกเชื่อมั่นว่าเราไม่ได้ทิ้งเราให้อยู่กับหมอตามลำพัง
บันทึกสะท้อนคิดประจำวันอังคารที่ 9 มิถุนายน 2558
เด็กไม่ยอมรับประทานอาหารทำลางวัน
ทุกศูนย์พัฒนาเด็กเล็กทุกแห่งก็คงจะพบเจอกับปัญหานี้ การที่เด็กบ้างคนไม่ยอมรับประทานอาหารกลางวันที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เพราะเด็กๆส่วนใหญ่จะชินกับการถูกผู้ปกครองป้อนข้าวหรือเด็กบ้างคนอาจจะอิ่มจากการดื่มแล้วก็ได้ เด็กบ้างคนไม่กินผัก เป็นเหตุให้เด็กบ้างคนไม่ยอมมาโรงเรียน เพราะกลัวครูบังคับให้รับประทานอาหารกลางวันเลยก็มี
วิธีการแก้ไข
- สอบถามผู้ปกครองเด็กถึงการรับประทานอาหารของเด็ก
- ถ้าให้นมเด็กมากเกินไปต้องลดลง
- ทิ้งระยะหว่างมื้ออาหารกลางวันกับนมให้ห่างกันอย่างน้อย 4 ชั่วโมง
- เวลาให้เด็กรับประทานอาหารควรเป็นบรรยาการที่สบายๆ
- ไม่ควรดุ หรือแสดงอารมณ์ไม่พอใจ หรือพูดให้เด็กรู้สึกผิด
- สร้างระเบียบวินัยในการกินให้กับเด็ก
วันอังคารที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2558
บันทึกสะท้อนคิดประจำวันพุธที่ 10 มิถุนายน 2558
เด็กๆไม่เก็บของเล่นเข้าที่เมื่อเล่นเสร็จแล้ว
ของเล่นไม่เพียงแต่จะสร้างความเพลิดเพลินให้กับเด็กๆ ไม่ให้งอแงโยเยเท่าน้ัน
แต่หากเลือกของเล่นให้เหมาะสม
ตามช่วงวัย ของเล่นของเจ้าตัวเล็กยังส่งผลต่อพัฒนาการของเขาอีกด้วย แต่ส่ิงที่ควรคานึงถึงมากที่สุดคือ ความปลอดภัยและการใช้และการเก็บรักษาอย่างเหมาะสมหากของเล่นชารุดเสียหายเกินกว่าที่จะใช้งานได้ก็ควรทิ้งหรือ
เปลี่ยนใหม่ ที่สาคัญอีกประการคือควรสอนให้เด็กรู้จักการเก็บของเล่นเองหลังจากเล่นเสร็จ เพราะพฤติกรรมไม่เก็บของเล่นเข้าที่ อาจส่งผลทาให้เด็กขาด
วินัยในตนเองเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ เพราะฉะน้ัน ควรท่ีจะฝึกวินัยให้กับเด็กตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อให้เด็กเกิดความเคย
ชินและติดเป็นนิสัย
วิธีการแก้ไข
เมื่อเด็กเลิกเล่นของเล่นแล้ว ครูจะร้องเพลงเก็บของเข้าที่พร้อมกับเก็บของเล่นเป็นตัวอย่างให้เด็กๆดูจนกระทั้งเด็กทุกคนช่วยกันเก็บของเล่นไปพร้อมกันกับครูจนเก็บของเล่นเข้าที่ทุกชิ้นจนเสร็จและครูจะแกล้งพูดหลอกเล่นกับเด็กๆว่าถ้าไครไม่ช่วยเก็บของเล่นจะไม่มีเพื่อน จะไม่มีไครเล่นด้วยครูก็จะไม่รักเพราะเป็นเด็กประหลาดของห้องไม่เหมือนเพื่อนคนอื่นเขา ต้องให้ออกเป็นอยู่นอกห้องคนเดียว เด็กก็จะกลัวไม่มีเพื่อน กลัวครูไม่รัก กลัวเป็นตัวประหลาดของห้อง ดังนั้นครั้งต่อไปเมื่อเด็กๆเล่นของเล่นเสร็จแล้วได้ยินเสียงเพลงเก็บของเข้าที่เด็กๆก็จะช่วยกันเก็บของเล่นแต่โดยดี
จัดทำโดย
นางสาวดวงเดือน พันนาเหนือ 571031321181
บันทึกสะท้อนคิดประจำวันจันทร์ที่ 8 มิถุนายน 2558
ปัญหาเด็กงอแง ไม่ยอมไปโรงเรียนหรือเข้าเรียน หลาย ๆ ท่านคงเคยเจอกัน โดยเฉพาะการมาโรงเรียนครั้งแรก บางรายแทบจะลงไปดิ้นหน้าโรงเรียนเชียว แต่ส่วนใหญ่เมื่อเค้าคุ้นเคยกับโรงเรียน คุณครู และเพื่อน ๆ แล้ว คราวนี้ไม่ต้องคะยั้นคะยอ กลายเป็นว่าจะไปโรงเรียนเสียเอง แต่ก็มีเด็กบางรายที่ทำยังไง ๆ ก็ไม่อยากไปโรงเรียนท่าเดียว
วิธีแก้ไข
นั่งดูความปลอดภัยของเด็กอยู่ห่างไม่เข้าไปจับ เพราะถ้าเรายิ่งเข้าไปจับเด็กก็จะยิ่งกริ๊ดและดิ้นแรงขึ้นอาจทำให้เด็กได้รับอันตราย ทำเป็นเมินเฉย ปล่อยให้เด็กอยู่คนเดียว เพราะถ้าเราทำเป็นไม่สนใจ และในที่สุดเด็กก็จะเห็นว่าถึงจะร้องกริ๊ดหรือลงไปนอนดิ้นอย่างไรก็ไม่สามารถเรียกร้องความสนใจจากเราได้ พอเด็กเลิกร้องเลิกดิ้นเราก็อธิบายให้เด็กเข้าใจว่าคราวหน้าไม่ต้องร้องกริ๊ดหรือลงไปนอกดิ้นอยู่ทึ่พื้น ถ้าเขาอยากได้หรือต้องการอะไรให้บอกครู แล้วครูจะเอาให้
จัดทำโดย
นางสาวดวงเดือน พันนาเหนือ 571031321181
สมัครสมาชิก:
ความคิดเห็น (Atom)























