การติดขวดนม
จากการให้เด็กดื่มนมจากกล่องเมื่อวานนี้ ผู้ปกครองมารับลูกถามลูกว่ากินนมหมดมั้ยเด็กกินไม่หมดกล่อง ด้วยความห่วงว่าลูกจะร้องไห้อยากดื่มนมจากขวด แม่เทนมใส่ขวดให้ในตอนเช้าที่มาส่งเลย
เพราะกลัวลูกจะไม่ได้กินนมการติดขวดนม มีผลต่อการ ไม่ยอมกินข้าว บางรายก็ทำให้ได้อาหารไม่พอ ขาดวิตามินเกลือแร่ เป็นเด็กผอม บางรายก็ดูดแต่นมมาก จนเป็นเด็กอ้วน ในแง่พัฒนาการการติดขวดนม ทำให้เด็กเสียโอกาส การพัฒนาทักษะในการพูด การเคี้ยวและการใช้มือในการทำกิจกรรมอื่นๆ นับว่าเรื่องนี้เป็น ต้นตอก่อปัญหาสุขภาพกับเด็กอย่างไม่รู้ตัว สำหรับพ่อแม่
การแก้ไข
1. ให้เด็กหัดดื่มนมจากแก้วหรือให้ลองดูดนมด้วยหลอดแทน
2. ประสานกับผู้ปกครองโดยให้ความรู้และขอความร่วมมือในการใช้เทคนิควิธีการต่างๆ เพื่อกระตุ้นให้เด็กเลิกขวดนม โดยความรู้ความเข้าใจของผู้ปกรองเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
3. ประสานกับผู้ปกครองไม่อนุญาตให้เด็กนำขวดนมมาโรงเรียน
บันทึกสะท้อนคิดปัญหาการเรียนการสอนในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กของนางสาวดวงเดือน พันนาเหนือ
วันศุกร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2558
วันพฤหัสบดีที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2558
บันทึกสะท้อนคิดประจำวันพฤหัสบดีที่ 2 กรกฏาคม 2558
กิจกรรมการเรียนรู้ เป่าสีด้วยหลอด
คณะครูศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านหนองได้จัดกิจกรรมการเรียนรู้ สำหรับวันนี้ครูให้เด็กๆทำกิจกรรมเป่าสีด้วยหลอด ก่อนจัดกิจกรรมครูได้ให้เด็กๆเลือกแล้วว่าจะทำกิจกรรมอะไรดี และเด็กๆได้เลือกกิจกรรมการเป่าสีด้วยหลอดนี้ ครูจึงได้จัดตามที่เด็กต้องการ
ประโยชน์ที่เด็กได้รับจากการจัดกิจกรรมครั้งนี้ คือ
1. พัฒนากล้ามเนื้อมือ
2.พัฒนาประสาทสัมพันธ์ระหว่างตากับมือ
3.พัฒนาภาษาในการอธิบายผลงานของตนเอง
4.พัฒนาความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการ
5.ผ่อนคลายอารมณ์เกิดความสนุกสนานเพลิดเพลินขณะทำกิจกรรมและพึงพอใจในผลงานของตนเอง
คณะครูศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านหนองได้จัดกิจกรรมการเรียนรู้ สำหรับวันนี้ครูให้เด็กๆทำกิจกรรมเป่าสีด้วยหลอด ก่อนจัดกิจกรรมครูได้ให้เด็กๆเลือกแล้วว่าจะทำกิจกรรมอะไรดี และเด็กๆได้เลือกกิจกรรมการเป่าสีด้วยหลอดนี้ ครูจึงได้จัดตามที่เด็กต้องการ
ประโยชน์ที่เด็กได้รับจากการจัดกิจกรรมครั้งนี้ คือ
1. พัฒนากล้ามเนื้อมือ
2.พัฒนาประสาทสัมพันธ์ระหว่างตากับมือ
3.พัฒนาภาษาในการอธิบายผลงานของตนเอง
4.พัฒนาความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการ
5.ผ่อนคลายอารมณ์เกิดความสนุกสนานเพลิดเพลินขณะทำกิจกรรมและพึงพอใจในผลงานของตนเอง
วันพุธที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2558
บันทึกสะท้อนคิดประจำวันพุธที่1 กรฎาคม 2558
กิจกรรมกลางแจ้ง
เด็กๆเล่นกิจกรรมกลางแจ้งในช่วงเช้าเพราะเป็นเวลาที่แดดไม่แรงเด็กเลือกเล่นกิจกรรมได้ตามความสนใจ เครื่องเล่นสนามช่วยพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็กและกล้ามเนื้อมัดใหญ่ให้กับเด็กๆนอกจากนี้เด็กยังรู้จักได้ใช้ความคิดในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของตนเองได้อีกด้วย
วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2558
บันทึกสะท้อนคิดประจำวันอังคารที่ 30 มิถุนายน 2558
เด็กนักเรียนปัสสาวะใส่กางเกงโดยไม่ยอมบอกคุณครู
เด็กนักเรียนบางคนปัสสาวะใส่กางเกงหรือเด็กบางคนอุจจาระใส่กางเกงไม่ยอมบอกคุณครูปวดตรงไหนก็ฉี่ราดตรงนั้นเลย อาจจะเกิดจากที่บ้านไม่พาเด็กเข้าห้องน้ำตอนเช้าให้เป็นนิสัยจึงทำให้เด็กปวดตรงไหนก็ราดตรงนั้น ไม่ฝึกเด็กให้เกิดความเคยชินเวลาเด็กมาโรงเรียนทำให้ปัสสาวะราดไปทั่ว
วิธีแก้ไข
บอกเด็กว่าถ้าปวดฉี่ให้เด็กบอกคุณครูคุณครูจะพาไปห้องน้ำ บางครั้งเด็กไม่กล้าบอกเวลาปวดก็จะบอกเขาให้ไปเข้าห้องน้ำเป็นระยะ ขอความร่วมมือกับผู้ปกครองให้ฝึกเด็กทำธุระส่วนตัวมาจากบ้านให้เรียบร้อยเว้นแต่ว่าไม่ไหวจริงๆถึงบอกคุณครูให้เข้าห้องน้ำ
บันทึกสะท้อนคิดประจำวันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน 2558
ไม่กล้าแสดงออก
ขี้อาย เป็นอาการที่พบบ่อยได้ในเด็กทั้งก่อนวัยเรียนและเด็กวัยอนุบาล โดยลักษณะของเด็กขี้อาย เช่น เวลาซ้อมการแสดงจะทำได้ดี แต่เมื่อแสดงต่อหน้าผู้คนจะไม่สามารถทำได้ เนื่องจากอายไม่กล้า ซึ่งทำให้ครูรู้สึกลำบากใจการในการจัดกิจกรรมให้กับเด็กเหล่านี้ สาเหตุส่วนหนึ่งเกิดจากเด็กที่อยู่ในครอบครัวเล็ก ๆ มีเฉพาะพ่อ แม่ พี่เลี้ยง ห่วงเด็กมาก ทำให้เด็กไม่มีทักษะทางสังคม ไม่กล้าแสดงออก อีกทั้งไม่มีโอกาสที่จะได้เล่นกับเพื่อนเนื่องจากพ่อแม่ที่ปกป้องมากเกินไป เด็กไม่รู้จักรับผิดชอบงานต่าง ๆ ไม่มั่นใจ ไม่กล้าทำสิ่งต่าง ๆ นอกจากนี้การเลี้ยงดูอย่างเร่งรัดเกินวัย ทำให้เด็กไม่พร้อม เกิดความกังวลใจ หวั่นใจ และไม่แน่ใจในการกระทำของตนเองและที่สำคัญคือการที่เด็กได้ถูกล้อเลียนจากเพื่อนเช่น พูดไม่ชัดทั้ง ๆ ที่สติปัญญาดี แต่ผลการเรียนไม่ดี เพราะวิตกกังวลในเรื่องการถูกล้อเลียน
แนวทางแก้ไข
ให้เด็กได่มีโอกาสเล่นกับเพื่อนบ่อย ๆ ไม่จ้องดูและไม่กำกับการเล่น พยายามอย่ากดดันให้เด็กทำสิ่งใดที่เกินวุฒิภาวะและพัฒนาการของเขา และไม่ควรล้อเลียนในจุดด้วยของเด็ก ให้เด็กฝึกรู้จักรับผิดชอบทำกิจวัตรประจำวันด้วยตนเอง ทำการบ้าน ช่วยเหลือครูในสิ่งที่สามารถทำได้
ขี้อาย เป็นอาการที่พบบ่อยได้ในเด็กทั้งก่อนวัยเรียนและเด็กวัยอนุบาล โดยลักษณะของเด็กขี้อาย เช่น เวลาซ้อมการแสดงจะทำได้ดี แต่เมื่อแสดงต่อหน้าผู้คนจะไม่สามารถทำได้ เนื่องจากอายไม่กล้า ซึ่งทำให้ครูรู้สึกลำบากใจการในการจัดกิจกรรมให้กับเด็กเหล่านี้ สาเหตุส่วนหนึ่งเกิดจากเด็กที่อยู่ในครอบครัวเล็ก ๆ มีเฉพาะพ่อ แม่ พี่เลี้ยง ห่วงเด็กมาก ทำให้เด็กไม่มีทักษะทางสังคม ไม่กล้าแสดงออก อีกทั้งไม่มีโอกาสที่จะได้เล่นกับเพื่อนเนื่องจากพ่อแม่ที่ปกป้องมากเกินไป เด็กไม่รู้จักรับผิดชอบงานต่าง ๆ ไม่มั่นใจ ไม่กล้าทำสิ่งต่าง ๆ นอกจากนี้การเลี้ยงดูอย่างเร่งรัดเกินวัย ทำให้เด็กไม่พร้อม เกิดความกังวลใจ หวั่นใจ และไม่แน่ใจในการกระทำของตนเองและที่สำคัญคือการที่เด็กได้ถูกล้อเลียนจากเพื่อนเช่น พูดไม่ชัดทั้ง ๆ ที่สติปัญญาดี แต่ผลการเรียนไม่ดี เพราะวิตกกังวลในเรื่องการถูกล้อเลียน
แนวทางแก้ไข
ให้เด็กได่มีโอกาสเล่นกับเพื่อนบ่อย ๆ ไม่จ้องดูและไม่กำกับการเล่น พยายามอย่ากดดันให้เด็กทำสิ่งใดที่เกินวุฒิภาวะและพัฒนาการของเขา และไม่ควรล้อเลียนในจุดด้วยของเด็ก ให้เด็กฝึกรู้จักรับผิดชอบทำกิจวัตรประจำวันด้วยตนเอง ทำการบ้าน ช่วยเหลือครูในสิ่งที่สามารถทำได้
วันศุกร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2558
บันทึกสะท้อนคิดประจำวันศุกร์ที่ 26 มิถุนายน 2558
เด็กเลียนแบบครูและตัวละคร
จากการสังเกตพัฒนาการของเด็กมีการลอกเลียบแบบครูหรือแม้แต่ตัวละครในทีวีอย่างเห็นได้ชัดเจน เช่น การพูด การกระทพฤติกรรมต่างๆ ทั้งเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชาย แสดงให้ครูเห็นถึงพัฒนาการด้านต่างๆของเด็ก
แนวทางแก้ไข
1. ครูต้องช่วยชี้นำการเลียนแบบพฤติกรรมที่เหมาะสมให้กับวัยของเด็กๆ
2. ดูแลการร่วมกิจกรรมของเด็กในแต่ละช่วงวัยอย่างเหมาะสม
3. ไม่เลียนแบบเด็กคนใดคนหนึ่งในช่วงเวลาในการทำกิจกรรม เพราะจะเป็นการสร้างปมด้อยให้แก่เด็กและยังเป็นการสร้างพฤติกรรมเลียนแบบ
4. ดูแลสื่อออนไลน์ ที่นำมาใช้สอนให้มีความเหมาะสมตามวัย และมีการแนะนำอย่างถูกต้อง
จากการสังเกตพัฒนาการของเด็กมีการลอกเลียบแบบครูหรือแม้แต่ตัวละครในทีวีอย่างเห็นได้ชัดเจน เช่น การพูด การกระทพฤติกรรมต่างๆ ทั้งเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชาย แสดงให้ครูเห็นถึงพัฒนาการด้านต่างๆของเด็ก
แนวทางแก้ไข
1. ครูต้องช่วยชี้นำการเลียนแบบพฤติกรรมที่เหมาะสมให้กับวัยของเด็กๆ
2. ดูแลการร่วมกิจกรรมของเด็กในแต่ละช่วงวัยอย่างเหมาะสม
3. ไม่เลียนแบบเด็กคนใดคนหนึ่งในช่วงเวลาในการทำกิจกรรม เพราะจะเป็นการสร้างปมด้อยให้แก่เด็กและยังเป็นการสร้างพฤติกรรมเลียนแบบ
4. ดูแลสื่อออนไลน์ ที่นำมาใช้สอนให้มีความเหมาะสมตามวัย และมีการแนะนำอย่างถูกต้อง
วันพฤหัสบดีที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2558
บันทึกสะท้อนคิดประจำวันพฤหัสบดีที่ 25 มิถุนายน 2558
เด็กก้าวร้าว
เด็กชอบรักแก เล่นรุนแรงกับเพื่อน มักก่อเรื่องวุ่นวาย ชอบทะเลาะกับเพื่อนหรือพี่น้องวัยเดียวกันเสมอ ซึ่งส่วนใหญ่สาเหตุของพฤติกรรมก้าวร้าวนี้ เกิดจากการที่เด็กรับรู้และเรียนรู้จากสภาพแวดล้อม เช่น ความก้าวร้าวของผู้ใหญ่ใกล้ชิด หรือจากภาพยนตร์ เป็นต้น
แนวทางการแก้ไข
1. ถ้าเป็นเด็กเล็ก ผู้ใหญ่ควรให้เด็กทำกิจกรรมอยู่ใกล้ๆ อย่าปล่อยให้เล่นกับเพื่อนตามลำพัง หรือไม่เช่นนั้น ผู้ใหญ่ ต้องมีมาตรการโดยบอกกับเด็กว่า ใครที่ลงมือทำร้ายอีกฝ่ายก่อนต้องถูกลงโทษ
2. หากเด็กแสดงพฤติกรรมก้าวร้าว ผู้ใหญ่ต้องถามถึงสาเหตุฟังเด็กพูด และลองเสนอแนะวิธีการแก้ปัญหาอื่นๆ ที่ดีกว่า เช่น การพูดแสดงความไม่พอใจออกไปตรง ๆ3. ไม่ควรลงโทษเด็กอย่างรุนแรง เพราะไม่เกิดประโยชน์แต่กลับจะทำให้เด็กด้านไม้เรียวและเจ้าคิดเจ้าแค้น
4. ในเด็กโต พ่อแม่ไม่ควรลงโทษ กระทำให้เจ็บช้ำน้ำใจ พ่อแม่ควรถามถึงสาเหตุ ชี้แจงถึงผลเสียของการใช้กำลังก้าวร้าว และชี้แนะวิธีที่เหมาะสม เช่น อดกลั้นนับ 1-10 บอกความไม่พอใจออกมาตรง ๆ ให้อภัยเพราะเป็นเพื่อนกัน ซึ่งทุกคนก็ทำผิดพลาดกันได้
5. ไม่ควรยั่วยุให้เด็กโกรธ
6. หากเด็กโกรธ แสดงท่าทางก้าวร้าวมาก ในเด็กเล็กให้ผู้ใหญ่กอดเด็กให้แน่นเพื่อยุติพฤติกรรมก้าวร้าว ส่วนเด็กโตควรแยกเด็กให้อยู่ตามลำพังเพื่อให้เด็กสงบจิตใจ หลังจากนั้นจึงค่อยพูดคุยกันถึงสาเหตุต่างๆ
วันพุธที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2558
บันทึกสะท้อนคิดประจำวันจันทร์ที่ 22 มิถุนายน 2558
เด็กไม่อยากไปโรงเรียน
เมื่อถึงเวลาเปิดเทอมใหม่ ๆ เราจะเห็นภาพที่บริเวณหน้าโรงเรียน โดยเฉพาะโรงเรียนอนุบาล เด็กจะร้องไห้งอแง บางครั้งดิ้นทุรนทุรายไม่ยอมเข้าโรงเรียน ครูและมารดาต่างอ้อนวอนให้เข้าโรงเรียน แต่เด็กก็ยังยืนกรานไม่ยอมเข้า นั่นเป็นเหตุการณ์ที่บริเวณหน้าโรงเรียน หลายรายที่เด็กแสดงทีท่าว่าไม่อยากไปโรงเรียนให้ทราบตั้งแต่ยังไม่ออกจากบ้าน เช่น ในเวลาเย็นวันศุกร์ วันเสาร์ตลอดวัน และมาจนกระทั่งเย็นวันอาทิตย์ เด็กจะดูรื่นเริงตลอด แต่พอตกค่ำวันอาทิตย์จะเริ่มงอแง วันจันทร์เช้าก็ไม่อยากลุกจากที่นอน ไม่อยากอาบน้ำ แปรงฟัน แต่งตัวช้า รับประทานอาหารช้า ไม่ยอมขึ้นรถไปโรงเรียน บางรายบ่นปวดท้อง ปวดศีรษะ อาเจียน เป็นต้น เนื่องจากอนาคตของชาติต้องการทรัพยากรมนุษย์ ที่มีคุณภาพ มีความรู้ ดังนั้นเด็กที่เกิดมาทุกคนจึงต้องเรียนหนังสือ แต่ถ้าเกิดปัญหาเด็กไม่อยากเรียน ไม่อยากไปโรงเรียนก็มีความจำเป็นเหลือเกินที่จะต้องแก้ไขเสียแต่ต้นมือ เพื่อป้องกันปัญหาที่จะตามมาอย่างมากมายภายหลัง
แนวทางการแก้ไขปัญหา
1. เตรียมพร้อมให้เด็กมีทักษะในด้านต่างๆ ก่อนไปโรงเรียน
2. เลือกโรงเรียนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ และเหมาะสมกับเด็ก เช่น โรงเรียนใกล้บ้าน ราคาที่เหมาะสม ปลอดภัย สะอาด มีครูที่เข้าใจพัฒนาการของเด็ก หรือมีเทคนิคการสอนที่ดี
3. ทำความรู้จักกับคุณครู พี่เลี้ยง และสถานที่ของโรงเรียน
4. ทำความเข้าใจในปฏิกิริยาของเด็กในช่วงระยะแรกๆ ของการไปโรงเรียน
ถึงแม้ว่าคุณจะเตรียมความพร้อมเด็กและเลือกโรงเรียนให้ดีขนาดไหน แต่เด็กทุกคนจะมีปฏิกิริยาต่อการไปโรงเรียน ในระยะแรกประมาณ 2 สัปดาห์ ซึ่งในระยะเวลานั้นต้องอาศัยท่าทีของพ่อแม่ที่เข้มแข็ง ไม่ใจอ่อนกับลูก มั่นใจในตัวคุณครู และโรงเรียน เข้าใจความรู้สึกของเด็ก อ่อนโยน และนุ่มนวลต่อความรู้สึกของเด็ก แต่ยืนยันชัดเจนว่าลูกต้องไปโรงเรียนทุกวัน
บันทึกสะท้อนคิดประจำวันอังคารที่ 23 มิถุนายน 2558
เด็กไม่ยอมช่วยเหลือตัวเอง
เด็กจะมีลักษณะขี้เกียจ ไม่ยอมทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยตัวเอง เช่น ต้องปลุกให้ลุกจากที่นอนทุกเช้าจัดกระเป๋า เตรียมชุดนักเรียนให้ ทั้ง ๆ ที่เด็กมีความสามารถจะทำเองได้ พ่อแม่ต้องคอยเตือนและคอยช่วยเหลือทุกอย่าง รวมทั้งช่วยแก้ปัญหาต่างๆ ที่เด็กควรจะใช้ความสามารถของตนเองจัดการแก้ไข
แนวทางการแก้ไข
1. เมื่อเด็กต้องการจะทำสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเอง พ่อแม่ต้องเปิดโอกาสให้เด็กได้ทำตามความสามารถของเด็ก และถ้าเด็กทำได้ดี พ่อแม่ควรแสดงความชื่นชม หรือให้คำชมเชย
2. พ่อแม่ต้องพยายามกระตุ้นให้เด็กทำสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเอง เช่น รินน้ำกินเอง ทำการบ้านเองโดยพ่อแม่ไม่ต้องช่วยเหลือ ทั้งนี้ พ่อแม่ไม่ควรเข้มงวดหรือจู้จี้จุกจิกจนเกินไป3. พ่อแม่ต้องไม่ช่วยเด็กทุกอย่างทุกเรื่อง บางเรื่องอาจจะต้องปล่อยให้เด็กได้เรียนรู้ด้วยตนเอง โดยพ่อแม่ช่วยสอนหรือชี้แนะแนวทางให้
4. พ่อแม่ควรมอบหมายความรับผิดชอบให้เด็กทำตามความสามารถของเด็กแต่ละวัย
บันทึกสะท้อนคิดประจำวันพุธที่ 24 มิถุนายน 2558
เด็กปัสสาวะใส่ที่นอนขณะนอนกลางวัน
มีเด็กบางคนปัสสาวะใส่ที่นอนเพราะดื่มนมก่อนนอนแล้วไม่ไปเข้าห้องน้ำก่อนมานอน
วิธีแก้ไข
คุณครูให้เด็กมาดื่มนมข้างนอกห้องเมื่อดื่มเสร็จให้เข้าห้องน้ำก่อนเข้าห้องนอนทุกครั้ง
เมื่อคุณครูรู้ว่าเด็กคนใดที่ปัสสาวะใส่ที่นอนเป็นประจำคุณครูจะปลุกให้ไปเข้าห้องน้ำแล้วค่อยมานอนต่อ
มีเด็กบางคนปัสสาวะใส่ที่นอนเพราะดื่มนมก่อนนอนแล้วไม่ไปเข้าห้องน้ำก่อนมานอน
วิธีแก้ไข
คุณครูให้เด็กมาดื่มนมข้างนอกห้องเมื่อดื่มเสร็จให้เข้าห้องน้ำก่อนเข้าห้องนอนทุกครั้ง
เมื่อคุณครูรู้ว่าเด็กคนใดที่ปัสสาวะใส่ที่นอนเป็นประจำคุณครูจะปลุกให้ไปเข้าห้องน้ำแล้วค่อยมานอนต่อ
สมัครสมาชิก:
ความคิดเห็น (Atom)










